ประกวดการจัดกิจกรรมสร้างสรรค์และรณรงค์ “งดเหล้าช่วงเข้าพรรษา”
เชิญชวนกลุ่มนักเรียนนักศึกษา สถาบันการศึกษา องค์กร หน่วยงาน ชุมชน ชมรม หรือกลุ่มอาสาสมัคร เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมและรณรงค์ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนเห็นถึงประโยชน์และความสำคัญในการงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงเป็นการปลุกกระแสสังคมให้ผู้ที่ดื่มสุราได้เริ่มเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการดื่มในช่วงเข้าพรรษานี้
รางวัล
1) รางวัลชนะเลิศ เงินรางวัล 10,000 บาท
2) รางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่ง เงินรางวัล 5,000 บาท
3) รางวัลรองชนะเลิศอันดับสอง เงินรางวัล 3,000 บาท
4) รางวัลชมเชย 2 รางวัล เงินรางวัล 2,000 บาท
คุณสมบัติของผู้สมัคร
กลุ่มนักเรียนนักศึกษา สถาบันการศึกษา องค์กร หน่วยงาน ชุมชน ชมรม หรือกลุ่มอาสาสมัคร โดยคุณสมบัติต้องเป็นองค์กรที่ไม่เกี่ยวข้องหรือได้รับทุนสนับสนุนจากผู้ประกอบการหรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอออล์ ร่วมประกวดผลงานการจัดกิจกรรมสร้างสรรค์และรณรงค์งดเหล้าในช่วงเดือนเข้าพรรษานี้
กติกาการประกวด
1) ประกวดการจัดกิจกรรมสร้างสรรค์และรณรงค์ “งดเหล้าช่วงเข้าพรรษา” โดยต้องเป็นกิจกรรมที่จัดในช่วงวันที่ 21 กรกฎาคม – 30 กันยายน พ.ศ. 2567 โดยจะต้องจัดทำข้อมูลเพื่อส่งเข้าประกวดดังนี้
1.1) รายงานผลการจัดกิจกรรม
1.2) วิดีโอ โปสเตอร์ รูปภาพ หรือสื่ออื่น ๆ (ถ้ามี)
2) ผู้สนใจเข้าร่วมแข่งขัน ลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมการประกวด โดยกรอกข้อมูลในแบบฟอร์มผ่านลิงก์ Google from: https://forms.gle/xKAcxnZVqGTKiNjs9 ภายในวันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2567 (โดยจำเป็นต้องกรอก รายชื่อ, หน่วยงาน, E-mail, เบอร์โทรศัพท์ และ ID-Line เพื่อความสะดวกในการติดต่อกลับ)
3) ผู้เข้าร่วมประกวดสามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์มรายงานผลการจัดกิจกรรม และเอกสารการประกวดอื่น ๆ ได้ที่: https://drive.google.com/drive/folders/1IsyoFl1FKQMWSAQYyO_5Z03DeUyJym9M?usp=sharing
4) โดยสามารถส่งรายงานผลการจัดกิจกรรม (เป็นไฟล์ .doc และ .pdf) และวิดีโอ โปสเตอร์ รูปภาพ หรือสื่ออื่น ๆ (ถ้ามี) ทางอีเมล sirikorn.parinyasiri@gmail.com ได้ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2567 โดยมีรายละเอียดการส่งดังนี้
4.1) เขียนหัวข้อเรื่องอีเมลว่า “ประกวดการจัดกิจกรรมสร้างสรรค์รณรงค์งดเหล้า”
4.2) ระบุรายชื่อ(ทุกคน) เบอร์ติดต่อ หน่วยงาน และชื่อกิจกรรม
4.3) พร้อมแนบรายงานผลการจัดกิจกรรม (เป็นไฟล์ .doc และ .pdf) และวิดีโอ โปสเตอร์ รูปภาพ หรือสื่ออื่น ๆ (ถ้ามี)
5) ประกาศผลรอบคัดเลือก โดยประกาศผลรอบคัดเลือก 10 ทีมที่ดีที่สุด ในวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2567 ผ่านทาง Facebook: https://www.facebook.com/cas.org.th/ เพื่อผ่านเข้าสู่รอบนำเสนอผลงานต่อคณะกรรมการ โดยสำหรับทีมที่ผ่านเข้ารอบจะต้องจัดเตรียมข้อมูลดังนี้
5.1) จัดเตรียม PowerPoint เพื่อนำเสนอกิจกรรมต่อคณะกรรมการ (เวลาในการนำเสนอไม่เกิน 8 นาที) โดยจัดส่งมาทางอีเมล sirikorn.parinyasiri@gmail.com ภายในวันที่ 6 ตุลาคม 2567
6) นำเสนอผลงานต่อคณะกรรมการ ผ่านระบบ Zoom meeting ในวันที่ 7 ตุลาคม 2567 เวลา 09.00 – 12.00 น. โดยมีรายละเอียดในการเข้าร่วมนำเสนอดังนี้
6.1) โดยทางผู้จัดจะชี้แจงรายละเอียดการเข้าร่วมการนำเสนอ และจัดส่งลิงก์ระบบ Zoom สำหรับเข้าร่วมการนำเสนอผลงานไปทางอีเมลของท่าน
6.2) แต่ละทีมจะมีระยะเวลานำเสนอ 8 นาที และช่วงตอบคำถาม 7 นาที โดยผู้ประกวดสามารถแชร์ PowerPoint นำเสนอด้วยตนเอง
6.3) ผู้ผ่านเข้ารอบทุกท่านจะต้องเข้าร่วมระบบ Zoom ในเวลา 08.30 น. เพื่อรับฟังการชี้แจงรายละเอียด
7) ประกาศผลรางวัล ผ่านทาง Facebook: https://www.facebook.com/cas.org.th/ และ Website: https://old.cas.or.th/ ในวันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2567
***ทั้งนี้ การตัดสินของกรรมการถือเป็นที่สิ้นสุด
ประกวดคลิปสั้น ในแคมเปญ “งดเหล้า ได้คุณคนใหม่”
ชวนเหล่า Content Creator และผู้ที่สนใจ ร่วมประกวดสร้างสรรค์วิดีโอสั้น ๆ เชิญชวนงดเหล้าในแคมเปญ “งดเหล้า ได้คุณคนใหม่” ชิงเงินรางวัลและของที่ระลึก มูลค่ารวมกว่า 18,000 บาท
รางวัล Best Story
1) รางวัลชนะเลิศ เงินรางวัล 5,000 บาท จำนวน 1 รางวัล
2) รางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่ง 3,000 บาท จำนวน 1 รางวัล
3) รางวัลรองชนะเลิศอันดับสอง 2,000 บาท จำนวน 1 รางวัล
รางวัล Best digital engagement (ยอดไลค์และยอดแชร์สูงสุด)
1) รางวัลชนะเลิศ 3,000 บาท จำนวน 1 รางวัล
2) รางวัลชมเชย จำนวน 10 รางวัล (ร่มพับ 3 ตอน ลายไพ่ทาโรต์ MEDPSU มูลค่า 499 บาท จำนวน 5 รางวัล และแก้วเก็บอุณหภูมิ มูลนิธิโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ มูลค่า 499 บาท จำนวน 5 รางวัล)
สามารถเข้าร่วมแคมเปญได้ตั้งแต่วันนี้ – 31 สิงหาคม พ.ศ. 2567 (สิ้นสุดการรับสมัครเวลา 24.00 น.) และจะประกาศผลในวันที่ 4 กันยายน 2567 เวลา 20.00 น. ทางเพจ FB: Centre for Alcohol Studies : CAS
กฎกติกาการเข้าร่วมกิจกรรม
1) กดไลก์ และแชร์โพสต์กิจกรรมการประกวดคลิปสั้น ในแคมเปญ “งดเหล้า ได้คุณคนใหม่”
2) ทำคลิปวิดีโอเชิญชวน หรือสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คน ลด ละ เลิกดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ โดยสอดแทรกสาระและความรู้ทางวิชาการ โดยจัดทำในรูปแบบใดก็ได้ตามสไตล์ของตนเอง (ความยาวคลิปไม่เกิน 1 นาที)
3) โพสต์ผ่าน Facebook หรือ Tiktok (+แชร์ลง Facebook) โดยเปิดเป็นสาธารณะ
4) ติดแฮชแท็ก #งดดื่มแล้วได้คุณคนใหม่ที่..(ระบุ).. #งดเหล้าได้คุณคนใหม่#CASxHealthBank พร้อมแคปชั่นเชิญชวนให้ผู้อื่นมาร่วมงดเหล้าเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นคนใหม่!!
5) ส่งลิงก์ที่โพสต์มายังข้อความทางเพจเฟซบุ๊ก Centre for Alcohol Studies : CAS (https://www.facebook.com/cas.org.th) ***
6) กดติดตามเพจเฟซบุ๊ก Centre for Alcohol Studies : CAS (https://www.facebook.com/cas.org.th เพื่อติดตามผลการแข่งขัน
7) อ่านรายละเอียดกิจกรรมเพิ่มเติมได้ที่: https://old.cas.or.th/?p=11580
เกณฑ์การตัดสิน
1) รางวัล Best Story (ตัดสินโดยคณะกรรมการ) โดยเกณฑ์การตัดสินจะคำนึงถึงเนื้อหาและความสร้างสรรค์ ที่มีประโยชน์หรือสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ชม ความสอดคล้องกับหัวข้อ และการปฏิบัติตามเงื่อนไข
2) รางวัล Best digital engagement (ยอดไลค์และยอดแชร์สูงสุด) การคิดคะแนน: ยอดไลก์ 1 ครั้ง = 1 คะแนน และยอดแชร์ 1 ครั้ง = 2 คะแนน การแชร์ซ้ำใน Account เดิมจะนับเป็น 1 ยอดแชร์เท่านั้น (หากโพสต์ผ่านทาง TikTok (+แชร์ลง Facebook) จะนับรวมยอดทั้ง 2 แพลตฟอร์ม)
***ทั้งนี้ สามารถรับรางวัลได้ประเภทเดียวเท่านั้นซึ่งผู้จัดจะพิจารณาจากรางวัลที่มีมูลค่าสูงที่สุด โดยผลการตัดสินของกรรมการถือเป็นที่สิ้นสุด
หมายเหตุ:
1) คลิปวิดีโอของท่านจะต้องเป็นไปตามกฎกติกาที่ตั้งไว้
2) ห้ามมิให้เนื้อหาวิดีโอเป็นไปในทางส่งเสริมหรือเชิญชวนให้ดื่ม และห้ามมิให้เห็นโลโก้สินค้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
3) ห้ามมิให้มีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมหรือสื่อไปในทางลามกอนาจาร
4) การตัดสินรางวัลของกรรมการถือเป็นที่สิ้นสุด ซึ่งเงื่อนไขการตัดสินรางวัลเป็นไปตามที่ผู้จัดกำหนด
5) ขอสงวนสิทธิ์ในการนำคลิปวิดีโอของผู้ที่เข้าร่วมประกวดและผู้ที่ได้รับรางวัลไปใช้ในการประชาสัมพันธ์กิจกรรมและนำไปเผยแพร่เพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น
การดื่มเหล้าแบบรวดเดียวและการแข่งดื่ม คนดื่มเสี่ยง คนเชียร์สนุก
จากกระแสข่าวเด็กหญิงอายุ 13 ปี ถูกจ้างกระดกเหล้าเพียวๆ ในงานแห่นาค แลกกับเงิน 1 พันบาท น็อกเข้าไอซียู โดยญาติของน้องเล่าว่า เหตุการณ์เกิดจากกลุ่มชายวัยกลางคนหลายคนว่าจ้างและส่งเสียงเชียร์อย่างสนุกสนาน ให้เด็กหญิงวัย 13 ปีและเพื่อน ซึ่งเป็นเด็กชายวัย 13 ปีเช่นเดียวกัน ดื่มสุราเพียวๆ คนละครึ่งขวด หากดื่มหมดจะให้เงินค่าจ้าง 1,000 บาท จนเป็นเหตุให้เด็กหญิงเกิดอาการช็อก หมดสติ และถูกหามส่งโรงพยาบาลในเวลาต่อมา
อาการช็อกหมดสติที่เกิดขึ้นนั้น เกิดจากภาวะแอลกอฮอล์เป็นพิษ (alcohol intoxication) ต่อร่างกาย และปริมาณน้ำในร่างกายที่เพิ่มขึ้นมามากก็อาจส่งผลให้เกิดภาวะน้ำเป็นพิษ (water intoxication) ซึ่งส่งผลให้เกิดสมองบวมและระดับเกลือแร่ในเลือดเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากแอลกอฮอล์เป็นสารที่ออกฤทธิ์กดประสาทส่วนกลาง คล้ายยากดประสาท ซึ่งฤทธิ์นี้จะขึ้นโดยตรงกับปริมาณแอลกอฮอล์ที่ได้รับ ยกตัวอย่างเช่น การดื่มเหล้าหมดทีเดียว 1 ขวด จะทำให้แอลกอฮอล์ในกระแสเลือดเพิ่มสูงขึ้นได้ถึง 250 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ในเวลาอันรวดเร็ว ทำให้เสี่ยงต่อการสำลัก อาเจียน หายใจไม่ออก หยุดหายใจ หมดสติ และอาจถึงขั้นเสียชีวิตจากการได้รับแอลกอฮอล์เกินขนาด ซึ่งโดยทั่วไป นักดื่มมักจะค่อยๆ ดื่ม จะเป็นการเปิดโอกาสให้ร่างกายได้ค่อยๆ ทำลาย และขับแอลกอฮอล์ออกจากกระแสเลือด ทำให้แอลกอฮอล์ไม่คั่งอยู่ในร่างกายของผู้ที่ดื่มมากนัก
แต่ในกรณีการดื่มแบบรวดเดียวในเวลาจำกัดนี้ อย่างกรณีของเด็กหญิงที่นอนอาการโคม่าอยู่นั้น จะมีลักษณะเหมือนเทแอลกอฮอล์พรวดเข้าไปในกระแสเลือดโดยไม่เว้นช่วงเวลาให้ร่างกายขับแอลกอฮอล์ออกมา กอปรกับน้องอายุเพียง 13 ปี นับเป็นเยาวชนที่องค์การอนามัยโลกจัดอยู่ในกลุ่มเปราะบางและแนะนำว่าไม่ควรดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แม้น้องจะดื่มเพียงครึ่งขวด แต่ส่งผลอันตรายจนทำให้น้องช็อกหมดสติ
จากพยานหลักฐาน พบว่า เหตุการณ์ในคลิปวีดีโอสอดคล้องกับคำบอกเล่าของพยาน โดยชายผู้ว่าจ้างเข้ามามอบตัวด้วยตนเอง และให้การภาคเสธ ยอมรับว่า อยู่ในขบวนแห่นาค จ่ายเงินให้เด็กหลังดื่มสุราจริง แต่ไม่ได้บังคับให้เด็กดื่มหมดขวด พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหา บังคับขู่เข็ญ ชักจูง ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร ว่าจ้างให้เด็กดื่มสุรา จนเป็นอันตรายต่อร่างกาย โทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือ ปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 หมวด 2 มาตรา 26 (3) นอกจากนี้ พ.ร.บ. คุ้มครองเด็ก ครั้งแรก มีการห้ามขายเหล้าให้เด็กต่ำกว่า 18 ปี เพื่อมุ่งหวังที่จะรักษาผลประโยชน์ ปกป้อง สวัสดิภาพเด็ก และสร้างบรรทัดฐานในการคุ้มครองชีวิตของเด็ก
หากเป็นกรณีที่มีการเชิญชวนเข้าร่วมกิจกรรมแข่งกิน/ดื่มเบียร์หรือเหล้า และมีโปรโมชั่นจัดหนักจัดเต็มด้วยการโพสต์ผ่านทางโซเชียลมีเดียของร้านค้าหรือสถานประกอบการนั้น ถือว่าเข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 มาตรา 30 (3) ห้ามมิให้ผู้ใดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยวิธีการหรือในลักษณะการลดราคาเพื่อประโยชน์ในการส่งเสริมการขาย และ (4) ห้ามมิให้ผู้ใดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยวิธีการหรือในลักษณะการให้หรือเสนอให้สิทธิในการเข้าชมการแข่งขัน การแสดง การให้บริการ การชิงโชค การชิงรางวัล หรือสิทธิประโยชน์อื่นใดเป็นการตอบแทนแก่ผู้ซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือแก่ผู้นำหีบห่อหรือสลากหรือสิ่งอื่นใดเกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาแลกเปลี่ยนหรือแลกซื้อ ซึ่งนับเป็นการจูงใจสาธารณชนให้บริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และหากการเชิญชวนให้ดื่มนั้น ทำให้ลูกค้าได้รับอันตรายต่างๆ สามารถเอาผิดร้านค้าหรือสถานประกอบการในฐานะผู้ขายที่ควรต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วยเช่นกัน เพราะผู้ขายอยู่ในข่ายของการก่อช่องภัยและอยู่ใกล้แก่เหตุจะเกิดความเสียหาย ซึ่งสามารถจะช่วยยับยั้งไม่ให้ปัญหาลุกลามไว้ได้แต่ต้น ข้อบังคับนี้มีเจตนาเพื่อให้ผู้เสียหายได้รับการชดเชยที่เป็นธรรม และเพื่อให้ผู้ขายมีการขายอย่างรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งโดยรวมแล้ว ก็เพื่อเป็นการรักษาสวัสดิภาพและความปลอดภัยในสังคมนั่นเอง
แหล่งที่มา:
https://www.pptvhd36.com/…/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0…/225860
https://www.thairath.co.th/news/local/northeast/2792068
https://news.ch7.com/detail/733007
Mr. Dag Rekve เจ้าหน้าที่อาวุโส องค์การอนามัยโลกสำนักงานใหญ่ (World Health Organization) นำเสนอข้อมูลความท้าทายในจัดการปัญหาจากการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในระดับนานาชาติและระดับประเทศ และทิศทางในอนาคต ชี้ว่าคนทั่วโลกกว่าร้อยละ 56 ไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์ พฤติกรรมการดื่มไม่ใช่เรื่องปกติของสังคม ร้อยละ 4.7 ของการเสียชีวิตเกี่ยวข้องกับการดื่มแอลกอฮอล์หรือกว่า 2.6 ล้านคน ในจำนวนนี้กว่าครึ่งหนึ่งเสียชีวิตก่อนวัยหกสิบซึ่งนับเป็นความสูญเสียมหาศาล ทั้งที่ป้องกันได้ด้วยนโยบายแอลกอฮอล์ ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมราคา การจำกัดการเข้าถึงทางกายภาพ และควบคุมกิจกรรมการตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตามยุทธศาสตร์โลกและแผนปฏิบัติการระดับโลก แต่อุปสรรคที่สำคัญในบางประเทศที่ทำให้ไม่สามารถออกนโยบายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มุ่งเน้นการปกป้องสุขภาพของประชาชนได้ คือ อิทธิพลของกลุ่มธุรกิจในกระบวนการตัดสินทางนโยบาย การปรับแก้กฎหมายใดๆ ต้องไม่เปิดช่องให้ธุรกิจเข้ามาแทรกแซง ซึ่งตอนนี้องค์การอนามัยโลกกำลังเตรียมออกแนวปฏิบัติที่ถูกต้องเพื่อป้องกันปัญหานี้
“นโยบายควบคุมเหล้าไทยจัดว่าก้าวหน้า การแก้กฎหมายครั้งนี้ควรมองไปอนาคตระยะยาวเอาสวัสดิภาพและคุณภาพชีวิตประชากรเป็นตัวตั้ง ข้อมูลภาระโรคปี 2019 ร้อยละ 7.7 ของการเสียชีวิตของประชากรไทยเกิดจากแอลกอฮอล์ หรือกว่า 38,073 ราย รัฐควรตัดสินใจว่าจะลดความสูญเสียนี้อย่างไรต่อไป การจัดการปัญหาแอลกอฮอล์ต้องร่วมกันหลายภาคส่วนและทำในทุกระดับ การลดหย่อนความเข้มข้นของกฎหมายควบคุมเหล้าเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวควรต้องทบทวนให้ดี นักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาไทยไม่ได้มาเพื่อดื่มในประเทศสวยงามทั้งสถานที่ วัฒนธรรม และผู้คน”
Professor Thomas F. Babor จาก University of Connecticut School of Medicine สหรัฐอเมริกา นักวิชาการอาวุโสระดับโลกและหัวหน้าบรรณาธิการวารสารวิชาการชั้นนำด้านการเสพติดหลายสำนักและบรรณาธิการหนังสือ “สุราไม่ใช่สินค้าธรรมดา” ให้ข้อมูลการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับผลประโยชน์และต้นทุนผลกระทบของนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจยามราตรีด้วยการส่งเสริมการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากต่างประเทศ ที่เนเธอแลนด์พบผลจากขยายเวลาขายเพิ่ม 1 ชั่วโมงในช่วงกลางคืนทำให้มีการเรียกรถพยาบาลจากเหตุการณ์บาดเจ็บจากแอลกอฮอล์มากขึ้นถึง 34% ที่นอร์เวย์ขยายเวลาขายเพิ่ม 1-2 ชั่วโมงทำให้อุบัติการณ์การทำร้ายร่างกายเพิ่มขึ้น 25% การท่องเที่ยวสายปาร์ตี้ (party tourisms) นี้ผลประโยชน์อาจไม่ได้สูงเพราะนักท่องเที่ยวกลุ่มวัยรุ่นกำลังซื้อไม่สูงและอยู่มาเพียงระยะสั้น ในขณะที่สร้างต้นทุนทางสังคมที่เพิ่มขึ้นต่อห้องฉุกเฉินและสถานีตำรวจ และอาจมีความเสี่ยงปัญหายาเสพติดเพิ่มขึ้นด้วย หากไทยจะกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจควรเน้นไปที่การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (wellness tourism) และวัฒนธรรมมากกว่า ซึ่งเป็นที่นิยม ไม่สร้างภาพลักษณ์ที่ไม่ดี และสร้างมูลค่าสูงกว่าจากกลุ่มนักท่องเที่ยวที่กำลังซื้อสูงกว่า
สาขาวิชาระบาดวิทยา อาคารบริหาร ชั้น 6 คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ 15 ถ.กาญจนวนิช ต.คอหงส์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา 90110
โทรศัพท์ : 083-5775533 (เวลาราชการ 08.30 - 16.30 น.)
Copyright © 2019 CAS All rights reserved.